หลังจากอ่านจบไปแล้วทั้ง 4 เล่ม เหมือนหนังสือทั้ง 4 เล่มน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน ไล่ตั้งแต่การทำการตลาดแบบรู้ใจ เข้าใจสมองด้วยนักจิตวิทยา และการเก็บข้อมูลด้วย Big Data เอา Model ไปวิเคราะห์ต่อยอดทางการตลาด การหากลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ซึ่งต้องเข้าใจว่าในปี 2020 นั้นจะทำ Content แบบเดียว Mass นั้นไม่ได้แล้ว ต้องทำ content ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย Liftstyle ความชอบของบุคคลมากที่สุด เพราะทุกวันนี้

ต้องยอมรับว่า เรามีสื่อทุกอย่างให้เราเสพทุกช่องทางจากหลากหลายสื่อ จนแทบจะจำรายละเอียดของโฆษณาไม่ได้แล้วว่าที่เราดูสักครู่นี้มันคืออะไร ?

จากหนังสือ Personal marketing เป็นหนังสือที่เข้าใจความต้องการของบุคคลอย่างมากในยุคนี้ ชอบมากที่สุดในประเด็นหนังสือคือ Model 4 Rs Of Personalization

มันแตกต่างจากสิ่งที่เราเรียนมาเมื่อไม่กี่ปี ที่กูรูทางการตลาดกล่าวไว้ว่า จากอดีต 4 P ประกอบไปด้วย Product  (สินค้า) Price (ราคา) Place (สถานที่) และ Promotion (โปรโมชั่น) คือหัวใจสำคัญของการตลาดและการขาย  แต่มาเป็น 4C คือ คุณขายสินค้าอะไร ต้องเปลี่ยนมาเป็น  Customize Needs คือ ลูกค้าต้องการอะไร P ที่สอง Price คือ ราคาที่เราตั้งขาย   ต้องเปลี่ยนมาเป็น  Cost  คือ เขามีงบประมาณเท่าไหร่ P ที่สาม Place คือ สถานที่ตั้งขายของสินค้า ต้องเปลี่ยนมาเป็น Convenion คือ ขายที่ไหนก็ได้เพื่อประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก Promotions คือ โปรโมชั่น ต้องเปลี่ยนมาเป็น Communications คือ ซื้อแล้วใช้งานได้มากที่สุด ได้ประโยชน์สูงสุด 

ตอนนี้น่าจะเป็น 4R แล้ว

Recogize ==> ลูกค้าคาดหวังว่าคุณจะจำชื่อเขาได้
Recommend ==> ลูกค้าคาดหวังว่าจะแนะนำสิ่งที่เขาชอบได้ หรือจำได้ว่าลูกค้าชอบอะไรแนะนำสินค้าว่าจะชอบมากกว่าเดิมไหม
Relevance ==> ลูกค้าคาดหวังว่าคุณจะให้ข้อเสนอที่ใช่สำหรับเขาเท่านั้น สำหรับเรา ง่าย ๆ เช่นโทรไปต่อกับ Call Center ขอ Pro พิเศษ 50 % ซึ่งหลาย ๆ คนก็ทำกัน
Remember ==> ลูกค้าคาดหวังว่าจะจำทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาได้

ถ้าจะทำ 4R หรือการทำการตลาดที่เข้าใจลูกค้ามากที่สุดคงหนีไม่พ้นการเก็บ Data นำมาวิเคราะห์ทางการตลาด

มาดูหนังสืออีกเล่ม Big Data ดัดจริต

หนังสือ Big Data ดัดจริต หนังสือบอกเล่าเรื่องราวการค้นหาข้อมูล และ case study ต่าง ที่เรามักจะโกหก เพื่อน หรือ คนอื่น ๆ แต่ในโลกของการค้นหาใน Google มักจะสวนทาง คือคนส่วนใหญ่มักจะบอกความจริงหรือต้องการข้อมูลที่เราต้องการค้นหา มากกว่าสอบถามคนรู้จักหรือเพื่อน ๆ เช่น ข้อมูลทางด้าน Sex , การเหยียดผิว , สุขภาพจิต โดยมีการทำวิจัยและผลลัพท์ประเด็นที่น่าสนใจหลากหลายอย่าง ที่ได้ตัวเลขที่ตรงกันข้ามกันกับความรู้สึก

ความเกี่ยวข้องกันกับ Marketing มีการยก Case Study โดยการใช้ Big Data มาทำ Ads โฆษณา และมีการใช้ A/B Testing ว่าถ้ามีการเปลี่ยน Ads แล้วจะได้เงินบริจาคของพรรคเพิ่มมากขึ้นไหม Case Study นี้อ่านแล้วก็ได้ความรู้ดี ๆ ไปอีกแบบ

Word Cloud ที่น่าสนใจ ก็เป็นอีก Case Study นึงที่เอา NLP มาตัดคำว่ามีการพูดถึงอะไรมากที่สุด

กลุ่มบุคคลส่วนใหญ่ที่เข้ามาใน Website หรือ ลูกค้าเราพูดอะไรมากที่สุด ประโยชน์มหาศาลที่เรารู้ว่าลูกค้าสนใจหรือพูดอะไรมากที่สุด แค่นี้ก็เป็น Trick ดี ๆในการทำการตลาดได้แล้ว

อยากเข้าถึง Big Data จริง ๆ ว่าใน Model โครงสร้างมันมี Part อะไรหรือส่วนไหนก็ต้องมาอ่านหนังสือ Big Data Series II คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล

โครงสร้างของการทำงาน Big Data จะมีองค์ประกอบของแต่ละหน่วยงานที่เราแยกได้ประมาณนี้

หลังจากอ่านจบ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหา Model ของการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาแล้วทำการตลาดได้ทันที แต่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้ความรู้ในการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้ดีมาก ๆ เช่น Case Study แนวคิดของ Grab ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้

หนังสืออีก 1 เล่มสุดท้าย ขุนเขาเกาสมอง

บอกเล่าของเรื่องภาพหลอกตา และ การทำงานของสมอง ซึ่งถ้าเราอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบเล่มเราจะเข้าใจจิตวิทยา และ การใช้ชีวิต พฤติกรรมของมนุษย์ มันดีงามมากเมื่อเราเข้าใจพฤติกรรมของบุคคลแล้ว การประยุกต์ใช้ในการทำการสื่อสารการตลาดกับบุคคลเมื่อใช้จิตวิทยามาเป็นส่วนนึงของการตลาด การทำเนื้อหา Contents ทางด้านการตลาด ก็จะแยก Segement แต่ละกลุ่มได้ การเล่าเรื่อง ขียน Contents ก็จะตรงกับความรู้สึกมากขึ้น

สรุปจากการอ่านหนังสือในช่วงหยุดปีใหม่ ทั้ง 4 เล่มก็เอามาสรุปใน Blog นี้เลยแล้วกัน

ติดตามสาระดีๆ จากพี่อ้วน รวมถึงรับดูแล Social Network บริหารจัดการ Content ได้ที่
https://www.idea2mobile.com
Call : 0863863896 , 0866188111
Line : e21eqg
email address : anantachai@idea2mobile.com

Webmaster
Anantachai